วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คาบู แดช ในตำนาน กับกรองเทพมารสะท้านฟ้า

        ไม่ได้ตั้งใจจะแต่งแรง บ้าพลังแต่อย่างใด แต่ไอ้คาบูเจ้ากรรมนายเวรที่พยายามชุบชีวิตมันมาจากตอนที่ผ่านมามันขุนไม่ขึ้นแล้ว แต่ก็ลากมันขี่เฉียดๆ 1000 โลได้ก็โอเคระดับหนึ่งแล้ว ไม่อยากพูดถึงมันมากก็ขอสรุปละกัน ว่า สาเหตุ มันเกิดจาก ไอ้สปริงลูกเร่งสุญญากาศ มันล้าเต็มทนแล้ว

        ไอ้สปริงที่แหลมมาหน่อยในรูปนั่นแหละ มันแทบจะกลายเป็นลวดธรรมดา เลยทำให้คาบูจ่ายน้ำมันไม่สม่ำเสมอ และจ่ายมากเกิน บางทีลูกเร่งเปิดค้างจนน้ำมันท่วมต้องถอดคาบูถอดหัวเทียนผึ่งไว้ให้น้ำมันแห้งถึงสตาร์ทติด 
        จะซื้อคาบูใหม่ ก็ สองพันกว่า แถม ไม่รู้จะอยู่ได้นานเท่าไร จากที่ปล้ำกับมันมาสักพักรู้สึกว่ามันบอบบางเหลือเกิน อีกอย่าง ยังไม่ได้เปิดเครื่องดูสักทีว่า เจ้าของเดิมแต่งลูกเอาไว้รึเปล่า เพราะถ้าเครื่องมีอะไรเปลี่ยนไป คาบูเดิมก็คงไม่เข้ากันอยู่ดี
        อีกทางเลือกคือ คาบูสแมช mikuni vm 17 แต่ก็ต้องแปลงคอหรีด สายคันเร่ง และไม่รู้ว่าจะต้องแปลงกรองมั้ย  งบอาจจะบานปลายกว่าคาบูเดิมก็ได้

        นั่งคิดนอนคิดอยู่นานก็ถึงจุดจบของคาบูเดิม มันอยากลาโลกเต็มที ท่วมแล้วท่วมอีกจนเหนื่อย ตอนที่ตังน้อยด้วย หลังจากได้ยินแว่วๆว่า คาบูแดช ใส่ได้ทุกอย่าง โอ้ว ที่มันคาบูเทพชัดๆ
       นอกจากแดช ยังมีคาบู n โปร อันนั้นเทพสำหรับรถ 150 ขึ้นไป รถเราแค่ 110  ก็คงต้อง แดชนี่แหละ หุๆๆๆ
     
       

         ก็เลยลากน้องเบส ป๊อดๆๆ ไปถึงร้านแต่งรถ กำตังไปพันนึง คุยไปคุยมา ค่าคาบู ค่าแปลง นู่นนี่ น่าจะพันกว่า ก็มีตังแค่พันเดียวนี่หว่า เลยซื้อคาบูมาตายเอาดาบหน้าที่บ้าน 55 โปรดอย่าถามว่าจริงรึปลอม555


          ยัดเลยรออะไร ต้องข่มขืนรูเดิมนิดหน่อยแต่ก็เข้าได้  สายคันเร่งอะไรไม่ต้อง ลองตื้บดู ปรากฎว่าเครื่องติด ด้วย ดีใจๆ แต่ว่า

          นี่ละปัญหา สายคันเร่งเดิมมันหัวโต๊โต ก็เลย
          ทุบหัวมันซะ
          
           และ สายมันสั้นมาก ตึงไม่ถึงลูกเร่งแลยต้องจัดการ
           
        ถอดจุกมันทิ้งซะ
      
        แต่พอจะต่อกรอง เอาล่ะซิ มันต่อไม่พอดี บากคาบูมันใหญ่กว่าเดิม เอาไว้แก้ปัญหาทีหลัง
       
       อันนี้ยางต่อหม้อกรอง ซื้อของใหม่มาแล้ว เลยเอาของเก่าของด้านที่ต่อกับหม้อกรองมันใหญ่ สวมกับคาบูแดชใด้พอดี แต่มีลิ้นวงในอยู่เลยคลิปมันทิ้งซะ แล้วประกอบทุกอย่างเข้าไปในรถ ต่อสายคันเร่งให้เรียบร้อย


        ประกอบเสร็จก็กลายเป็นรถแต่งคาบูเปลือยหันข้างซะแบบนี้ สายน้ำมันก็สั้นไปหน่อย ก็เลยเอาสายที่แถมมากะคาบูนั่นล่ะเสียบปลายต่อซะเลย พอดีจนน่าตกใจ555 สายโช้คก็ลอยไว้ ก็มันดึงไม่ถึงนี่นา
        อ่อ คาบูแดชที่ซื้อมาเค้าอุดรู น้ำมัน 2t ของเครื่องสองจังหวะแล้ว แต่เหลืออีกรู เค้าเผื่อสำหรับสายดูดอากาศของก็อกน้ำมัน แต่เราไม่ใช้ เลยต้องอุดด้วย

        พร้อมจะใช้คันเร่งแล้ววววว สตาร์ททททท
        บรึ้มมม พอยกคันเร่งเท่านั้นแหละ ป็อดดดดด ๆๆๆๆๆ ดับ

        เอาไงดีวะ
        ศึกษามานานเขาว่า ให้ไล่นมหนู แต่ นมหนูไม่มี ไม่มีตังซื้อด้วย ออกไปซื้อก็ไม่ได้แล้วด้วย รถเจ๊งบ๊งอย่างนี้
         ไล่นมหนูก็คือ เอานมหนูหลายๆ เบอร์มาลองเปลี่ยนอ่ะ เผื่อคนอ่านไม่เข้าใจ แล้วนมหนูคืออะไร หาดูในอากู๋ละกัน
        หันไปเห็นคาบูเก่า ไอเดียก็เจิดจ้าทันที หึๆๆ
        ปากคาบูพอๆกัน นมหนูที่ติดมากับคาบูแดชก็ไม่ใหญ่มากนัก ของเก่ากะของใหม่มันเข้ากันไม่ได้น่ะ ไอ้ที่จะแทนกันได้เห็นจะเป็น

          เสื้อเข็มเร่งงงงงงง
          ในหัวคิดว่า ถ้ามันใช้กับของเดิมแล้วโอเค มันก็น่าจะควบคุมน้ำมันคาบูแดชให้พอดีได้ด้วยมั้งงง
 แต่ติดที่ เข็มเร่งคาบูแดช มันอันบะเร่อออ
          
            เทียบกันยังกะไม้ลูกชิ้นกะไม้จิ้มฟัน และ แน่นอน เสียบกับเสื้อเข็มเร่งเดิมแล้วมันคับเข้าไม่ได้ 
            ด้วยสัญชาตญาน และ ประสบการณ์ที่เคยทำสำเร็จมาก่อนหน้า เอาวะ ไม่มีอะไรจะเสีย

            ฝนเข็มอีกแล้วกรู โดยเอาขนาดเข็มเร่งคาบูเดิมเป็นต้นแบบ เอาขนาดเริ่มต้นที่ยัดเสื้อเข็มเร่งได้ก่อน
             
           แล้วก็เริ่ม กระบวนการ จูนคาบูแบบไม่ไล่นมหนู กันอีกแล้ววว ช่างมอไซค์ตัวจริงมาเห็นคงงง หรือขำว่า แม่งไปเรียนสำนักไหนมาวะ (ก็เพราะไม่ได้เรียนไงเลยมั่วแหลก555)

             1. ฝนให้ช่วงโคนเข็มมันเท่าๆกันให้เข้าไปในเสื้อเข็มเร่งได้ก่่อน อย่าฝนไปโดนปลายให้มันเล็กลงนัก
             2.จูนรอบต่ำให้หนาไว้ อันนี้เพิ่งมาคิดได้ที่หลังว่าควรทำ แต่ทำไปโดยสัญชาติญานแท้ๆ เพราะ ถ้าฝนเข็มเล็กเกิน มันทำให้ใหญ่ขึ้นไม่ได้ ถ้าจูนบางไว้เวลาทดสอบเข็มจนลงตัวแล้ว ยังมีเนื้อเข็มเหลือสำหรับความผิดพลาดที่ไม่คาดคิด เนื่องจาก กรองยังไม่ได้ใส่ คิดเอาเองล้วนๆนะ
             3.เอาเข็มใส่ สตาร์ท แล้วลองเร่งดู ถ้ายังป๊อดๆ กระตุกดับ ก็ฝนให้เล็กลงอีก
             4.พอเร่งได้ตรงไหนรอบนิ่ง ก็เร่งต่อจนป็อดดับไป แต่อย่าละคันเร่ง เปิดปากคาบูดูว่าเข็มยกถึงตรงไหนก็ฝนตรงนั้นให้เล็กลงอีกหน่อย
             5.ไล่ฝนมันไปเรื่อยๆ จนยกคันเร่งได้จนสุด กำลังเครื่อง นั่นล่ะ

             ไม่ได้สอนให้ทำกันนะ แต่นี่คือสิ่งที่ผมทำ ผลที่ได้ ก็น่าพอใจระดับนึง หนวกหูชาวบ้านไปวันนึง 555
            พอเร่งได้จนสุดรอบ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ บิดคันเร่งแรงๆ ไม่ได้ ต้องแร่งเบาๆ อันนี้น่าจะปกติสำหรับการใช้คาบู 2 จังหวะเอามาใส่ 4 จังหวะจากที่เคยๆ ได้ยินมาบ้าง อีกปัญหานึงคือ 
           จะต่อหม้อกรองยังไงฟระ
            คิดไปคิดมามีทางลือกอยู่ 3 ทาง

           1. จะหาท่ออะไรสักอย่างมาต่อแทน คุณสมบัติ ทนความร้อนระดับนึง อากาศไม่รั่วไหลฝุ่นผงไม่เข้า แข็งแรง และ ขนาดพอดี โคตรหายากเลย ยอมแพ้
           2. แปลงหม้อกรอง ให้ใช้ยางต่อคาบูใส่กลับทางได้ ก็เสียดายกรองเดิมเผื่อมีตังอยากหาคาบูแท้ๆ มาใส่คืน
           3. ใส่กรองใหม่แม่มเลย คิดๆดูแล้ว ตอนจูนด้วยการฝนเข็มก็ไม่ได้ใส่กรองนิ จะใส่กรองเปลือยไปเลยจะเป็นไรไปว้าาาา เอาทางเลือกนี้แหละ

           ว่าแล้วก็วิ่งรถเปลือยๆ ไปร้านแต่งมอไซ ทั้งคนขาย ลูกค้า มองรถแล้วก็มองหน้า แบบงงๆ แต่แล้วก็ได้ไอ้นี่มา
           กรองแต่งคุณภาพต่ำ รูโหว่เบอเร่อ ต้องมาไล่เอาซิลิโคนอุดอีก แต่ก็น่าจะกันฝุ่นพอได้ล่ะ ราคาไม่แพงนัก 90 บาท
          
            แล้วก็ถอดกรองเดิมออกไปซ้าาาาาา
            
           จับจุกยางต่อหม้อกรองของคาบูเดิมอันใหม่ ตกแต่่งเหมือนที่ทำกับอันเก่าให้เรียบร้อยแบบไม่เสียดาย ครอบคาบูเข้าไป หงายปากขึ้น
           

             แล้วเอากรองเปลือยที่ซื้อมาครอบต่อไปอีกที แหม ตำแหน่งมันช่างเหมาะดีแท้ๆ

            แล้วไอเดีย ก็บังเกิด เพราะคิดว่า ไอ้เจ้านี่ คงโดนน้ำไม่ได้เป็นแน่แท้

            ก็เลยวิ่ง ใส่กรองเปลือย เท่ๆ ออกไปร้านขายของสารพัดสิ่งอีกที เพื่อหา ไอ้นี่
            กระป๋องน้อยๆ
            

           ครอบกรองได้พอดีเยย
          



          เจาะรูฝา แล้วยัดมันเข้าไป สวยงามแท้

         

        ลองใส่แล้วใส่บังลมดูด้วยว่ามันไม่คับที่คับทาง 

   

         เจาะช่องลม แล้วก็พ่นสีที่ยังเหลือจากที่ทำสีเมื่อนานมาแล้ว 
         แล้วก็ประกอบร่าง เอาเส้นรัดสายไฟรัดไว้ กับรูน็อตกรองเดิมน่ะแหละ

อ่อ

        
        ตรงรูโช้ค พอดีสายโช้คต่อไม่ได้และไม่คิดว่าจะต้องใช้ เลยเอาลูกโช้คของคาบูเดิมมาอุดซะเลย เดี๋ยวอากาศมันจะเข้าไปทำให้คาบูเพี้ยนอีก แล้วเอาเป็นจุดยึดสายน้ำมันด้วย มันต่อกันไว้แบบเสียบกันเฉยๆ เดี๋ยวแกว่งไปแกว่งมาหลุดละงานเข้า รูตรงสายคันเร่งก็พยายามเอายางครอบด้วยเหตุผลเดียวกัน

        แล้วก็เหลือสายท่อโด่เด่อยู่อันนึง 
       มันเป็นสายระบายอากาศระบายไอน้ำมันเครื่องแหละ ต่อเข้าไปในห้องเกียร์ ถ้าน้ำเข้าได้ก็ตายห่า ปกติมันต่ออยู่กับหม้อกรอง แต่ก็ปลดมันออกไปแล้ว 

        เลยต้องหาอะไรหุ้มปลายกันน้ำเก็บให้มิดชิดซะหน่อย 

       สถานะน้องเบส ตอนนี้ เลย ต้องกลัวน้ำไปโดยปริยาย ลุยได้ไม่เกินครึ่งแข้ง แต่ก็ เข้าหน้าแล้งพอดี หุๆๆๆๆๆ



รู้สึกว่าเสียงบู้ๆๆๆๆๆๆ ของกระป๋องครอบกรองเปลือย จะดังเด่นกว่าท่ออีก 5555

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ใสวัดรอบเพิ่ม+บันทึกการใช้งานน้องเบส

        ทิ้งบล็อคไปนาน เพราะไม่รู้จะลงอะไร มีเรื่องใส่วัดรอบให้น้องเบสนิดหน่อย
         ตอนติดไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ยุ่งยากพอสมควรตรงที่จะติดยังไง สรุปเอาที่ใส่กระจกมองหลังแต่งหนีบแฮนมาหนีบ แต่แทบไม่มีที่ว่าง ต้องนั่งเจียร์ที่หนีบแฮนด์ให้เล็กลงหน่อย แล้วก็เจาะครอบแฮนด์ เอาวัดรอบถูกๆยึดติดเข้าไป
        วัดรอบที่ซื้อมามี 5 สาย ดำกับแดงเป็นสายไฟหน้าปัด ดำกับขาวเหลืองมั้งเป็นไฟเลี้ยงวัดรอบ เขียวเป็นสายสัญญาน

        ตอนแรกเข้าใจว่า ต้องต่อตรงสัญญานพัลเซอร์ที่ออกมาจากชุดสายจานไฟ แต่ต่อแล้วติดเครื่องเข็มไม่กระดิกเลย ตอนแรกคิดว่า โดนร้านขายของเสียซะแล้ว ลองไปลองมาเอามาจิ้มที่ไฟเข้าคอยล์หัวเทียน เข็มขึ้นมาดีใจจัง เลยต่อแบบนี้แหละ

        เชื่อมาตั้งนานว่า เครื่อง 4 จังหวะ จะจุดระเบิด รอบเว้นรอบ ดังนั้น สัญญาณจากคอยล์หัวเทียนน่าจะต้อง x2 เพื่อจะได้รอบจริง เพิ่งรู้ว่า ไฟหัวเทียนน้องเบสมันออกทุกรอบ หลังจากถอดมันมาแล้วลองเหยียบคันสตาร์ทดู  

        พอติดแล้วสตาร์ท รอบเดินเบาตั้งไว้ค่อนข้างสูง หลังจากโมคาบูเน่าๆให้มันยังทำงานได้ รอบเดินเบาน้องเบส เกือบ 2000 rpm เสียงเกือบจะเป็นรถออโต้เลย แต่ไม่เป็นไร น้องเบสเกิดมาเป็นพวกชักสั้นรอบสูงอยู่แล้ว รอบต่ำๆ ไม่ค่อยจะมีแรง555  เสียที่ตรง มันจะร้อนเร็วร้อนเยอะ ร้อนโคตร 

       เสียตังกับวัดรอบไป ตัววัดรอบ 450 ตัวยึดกระจกจับแฮนด์แต่ง 150 = 600 เหมือนจะไรสาระ แต่มีประโยชน์อยู่บ้างมั้ง

        ณ ปัจจุบัน ความเร็วกับรอบเครื่อง ที่ เกียร์ 4 จะอยู่เลขเดียวกันเลย คือ ถ้าวัดรอบชี้เลข 6 เข็มความเร็วก็จะอยู่ที่ 60 เอาไว้สังเกตุเวลาครัชมีปัญหาได้มั้ง ถ้ารอบไปไกลแต่ไม่ได้ความเร็วแสดงว่าครัชจับไม่ดีแล้ว 
      เอาไว้สังเกตุจังหวะเปลี่ยนเกียร์เวลาถนนมีเสียงดังมากๆฟังเสียงเครื่องรถตัวเองไม่ได้ยิน
      ตอนนี้นึกประโยชน์ได้แค่นี้

       ช่วงขณะพิมพ์บิดหมดปลอก เครื่องทำงานที่ 8000 rpm นิดๆ ที่เกียร์ 4 ยังไม่เคยบิดที่เกียร์ว่าง 

ทดสอบน้องเบส

          ได้จังหวะต้องเดินทางจากศรีราชาเข้า กทม. เลยลองเสี่ยงกับน้องเบสหน่อย ในระยะทางชิวๆ 100 โลนิดๆ พักเติมน้ำมันครั้งเดียว น้องเบสก็ยังไหว แต่ปรากฎว่า น้ำมันเครื่องหาย ต้องเติมเพิ่ม และมีคราบน้ำมันเครื่องที่ฝาสูบ น่าจะซึมทางช่องตั้งวาวล์ที่เคยเปิดมาตั้งก็เป็นได้

     แอป GPS offline ของ lumia 435 ดูมันวัดความเร็วมั่วๆ ไมล์น้องเบสค่อนข้างตรง คลาดเคลื่อนประมาณ -5 ทางตรงโล่งๆ ส่วนใหญ่ วิ่งที่ 60-70 ตามไมล์รถ แต่แอปมันวัดความเร็วสูงสุดได้ 43 ถ้าวิ่งแค่นั้นจริง 100 กิโล  ในสอง ชม กว่าๆ คงไม่ต้องติดไฟแดงเลยมั้ง 555

        
        
        ในวันรุ่งขึ้นก็กลับจาก กทมเลย ต้องเติมน้ำมันเครื่องเกือบขวด แถมยางรั่วต้องขี่บทถนนบางนาตลาดหลายกิโลกว่าจะเจอที่ปะ ดันรั่วล้อหน้าด้วยวิ่งบดตอนยางแบนๆ มือสั่นเลี้ยวก็ยาก กลางแดดร้อนๆ นรกชัดๆ

          เจอช่างรุ่นเก๋าแถว เอแบค บดไปหลายโลนึกว่าต้องเปลี่ยนยางนอกแล้ว แกบอก ไม่เปลี่ยนก็ได้ เลยเชื่อช่าง เพราะตังไม่ค่อยมีด้วย

          ขากลับก็ใช้ความเร็วแบบเดิม แต่แวะพักหลายที่หน่อย 

           นั่งชมทะเลที่บางแสน

           พอไกล้ถึงศรีราชา สุขุมวิทถนนโล่งพอสมควร เลยได้อัดหมดปลอก ได้ 80 นิดๆตามไมล์ ที่รอบเครื่อง  8000 นิดๆนั่นแล อัดได้ 5 นาทีมั้ง กลัวพังเลยขับปรกติ จนถึงบ้าน

          ผล การทดสอบ ก็พอได้นะ เสียงเครื่องยังไม่ร้องฟ้องว่า ไม่ไหวแล้ว 5555 

          จบทริบ วันละ 100 โล 2 วัน เติมน้ำมันไป 140 บาท น้ำมันเครื่องไป 140 บาท แม่ม กินยังกะออโตลูป 2 จังหวะ


                       อยากขี่ nsr แต่ได้น้องเบสนี่ก็พอวะ


วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Finally Free

         ด้วยความอยากได้ มอเตอร์ไซค์ซักคัน แต่งบน้อย เลยต้องหาซื้อมอไซค์ ราคาถูก แต่คุณภาพเกินราคา ก็พบกับ Suzuki Best 110 ยี่ห้อในตำนานที่เขาว่ากันว่าเป็นรถคนบ้า จากที่เคยแต่ขับขี่ ไม่ค่อยรู้อะไรมากนักกับสองล้อมีเครื่อง ที่คนบางแห่งเรียกมันว่า รถเครื่อง(บ้านเกิดผมก็เรียก) ต้องหาความรู้มากมายเกี่ยวกับมัน ซึ่งก็หาได้ยากยิ่ง เทียบกับ รถเครื่อง ยี่ห้ออื่นๆ โดยเฉพาะ ในยุคสมัยที่บนท้องถนนเต็มไปด้วย สกู็ตเตอร์ ออโตเมติก ไม่ก็ Bigbike
       14 ปีที่แล้วกับยุคเปลี่ยนผ่านจาก เครื่องยนต์ 2 จังหวะ ออโตลูป ควันขาว มลพิษ เสียงดัง มาสู่ เครื่อง 4 จังหวะ เงียบ ไร้ควัน ประหยัดน้ำมัน Suzuki best110 คันนี้เป็นรถ 4 จังหวะรุ่นแรกๆ คันหนึ่งในยุคเปลี่ยนผ่านนั้น เป็นแค่รถในซอกหลืบเล็กๆ ที่ไม่ได้ขายดิบขายดีมีชื่ออย่าง Smash ค่ายเดียวกัน หรือ Wave ดาวค้างฟ้าของเจ้าตลาดรถมอเตอร์ไซค์มีเกียร์ติดกระบังลม
       Best 110 ในประเทศไทย ไม่รู้ข้อมูลมากนัก แต่รูปลักษณ์ และราคา น่าจะไปทับซ้อนกับ Smash 110 ของค่ายเดียวกัน รวมทั้งความนิยมไม่มากทำให้ชื่อนี้ต้องจบลง แต่ปรากฎว่า รูปลักษณ์ของ Best 110 ในประเทศไทยนี้กลับไปเหมือนกับ Shogun 110 ของอินโดนีเซียซะงั้น 
Shogun R ของอินโด ที่อยู่รูป
อันนี้น้องเบส

           อาจเพราะขายในไทยไม่ได้เลยไปใช้ชื่อรุ่นที่ขายดีในอินโดนีเซียก็เป็นได้โดยปรับปรุงอะไหล่บางตัวเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในอินโดได้ เดาเอานะ หรือไม่ก็ออกแบบมาสำหรับขายอินโดอยู่แล้ว แต่แอบๆ มาลองขายในไทยดู ก็เป็นไปได้เหมือนกัน

            ข้อมูลจากคนขายอะไหล่ ถ้าเป็นจริงก็เดาว่า Best 110 เป็นรถที่ทำขึ้นมาแบบด่วนๆ ขายแบบด่วนๆ และจากไปแบบด่วนๆ 55 ไม่น่าตั้งใจจับตลาดไทยจริงๆ อาจเป็นการทดลองเอาแบบรถที่คิดว่าจะขายได้มาลองขายก่อน พอคิดว่าน่าจะขายได้ ก็พัฒนารถและปรับปรุงรูปลักษณ์และชิ้นส่วนบางอย่างที่สามารถผลิตในประเทศได้ ออกเป็นรุ่นใหม่ออกมา นั่นก็คือ Smash 110 นั่นเอง
            แต่ถึงแม้จะเป็นรถที่ขายในช่วงสั้นๆ แต่ best 110 ก็ยังมีข้อดี อย่างที่คนขายอะไหล่ว่า คือ อะไหล่คุณภาพดี ทน ซึ่งกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า อะไหล่บางอย่างของน้องเบส ยังดีอยู่จริงๆ แต่เรื่องนี้ต้องดูที่ปัจจัยการดูแลรักษาด้วยแหละ
            แต่ถ้าพูดกันแบบนักการตลาดก็นับว่าเป็นรถที่ล้มเหลวในการขายแน่ๆ  ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีคนนิยมเอามาแต่ง แทบจะไม่มีอะไหล่ขาย ไม่ค่อยเห็นในประกาศขายมอไซค์มือสอง และ แทบจะไม่เห็นบนถนน รึมันพังกันไปหมดแล้ววะ รถมันจะแย่กว่า wave 100 เชียวเหรอ wave 100 ยังวิ่งกันเกลื่อน 
      
           น้องเบสเป็นแค่สินค้าชิ้นเล็กๆ ที่ขายไม่ออกก็เท่านั้น

           ในมุมมองของผู้ผลิต (SUZUKI) คงเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ

           แต่มุมองของฉัน น้องเบสกับเป็น คุณครู ที่ดี
           น้องเบสทำให้ต้อง
           - เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเครื่อง มอไซค์เองครังแรก
           - ถอดล้อมอไซค์เองครั้งแรก
           - มีประสบกาณ์ทำสี
           - มีประสบการณ์ในการติดต่อกับขนส่ง ตรวจสภาพ โอน ต่อภาษี เปลี่ยนสี
           - ความรู้ ระบบเครื่องยนต์ และข้อมูลเทียบเคียงอีกมากมายในอินเตอร์เน็ต
           - นั่งเดานั่งวิเคราะห์ระบบคาบูเรเตอร์ ทำให้มันใช้งานได้
           - ตั้งวาวล์เองครั้งแรก
           - เปลี่ยนน้ำมันโช้คครั้งแรก
           - ซ่อมดิสเบรค เปลี่ยนน้ำมันเบรคเองครั้งแรก
           - เซ็ตระบบควบคุมทั้งหลายแหล่เอง ระยะฟรีคันเร่ง ระยะฟรีเบรค การตอบสนองของไฟเบรค
           - ไล่ระบบไฟ แก้วงจรไฟ(ความจริงงานถนัดอยู่แล้ว555)
           - เปลี่ยนหน้าปัตเรื่อนไมล์ใหม่เอง
           - ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อทำทุกอย่างที่ว่ามาให้สำเร็จ
           - ได้รู้ว่า มอไซค์ แม่งมีเรื่องจุกจิกเยอะฉิบหาย

            ขอบคุณ Suzuki ที่ทำรถดีๆ มา แต่ขายไม่ค่อยได้ ศูนย์ซ่อมก็ไม่ค่อยจะมี อะไหล่หายาก เทคโนโลยีสูงจนยากจะเข้าใจ ราคาขายต่อเหมือนเศษเหล็ก Thank You จากจัย
           
          **** เก็บตกบางอย่าง ที่ไม่ได้ทำเป็นบทความ****

อันนี้แค่รื้อไฟเพราะไปเลี้ยวมันไปช็อตกับเกจ์วัดน้ำมัน เปิดไฟเลี้ยวแล้วเกจ์กระดิก แล้วก็จัดการรอยต่อสายต่างๆให้มันรัดกุมหน่อย ใหนๆรื้อแล้วก็เลยใส่สายกราวด์เส้นเบอเริ่มลงไปแทนแยกกับเส้นมีไฟทั้งหลายไปเลย แล้วก็ย่้ายลีเลย์ไฟเลี้ยวจากที่อยู่ใต้ถังน้ำมันมาอยู่หน้ารถซะ 

              อันนี้เผื่อฉุกเฉิน ยุค Mobile Society เลยเอาที่ชาร์ด USB ยัดติดเข้าไปในรถซะด้วยเลย กับสวิชตัวนึง ทำงานเฉพาะเวลาบิดกุญเจ

            **** สรุปค่าใช้จ่ายน้องเบส  ตั้งแต่วันซื้อ 20 มิ.ย. 58****

               ราคารถ                                                       7500
               หมวกกันน็อค                                               260
               ค่าโอน                                                         100
               พรบ. + ภาษี +เปลี่ยนสี                                450
               ทำสี                                                              960
               กาวช้าง 1 หลอด                                            25
               น้ำมันเบรค                                                     40
               น้ำมันโช้ค                                                      60
               เครื่องมือ ประมาณ จำไม่ได้                         300
               โช้ค                                                              740
                Usb + สวิช                                                    50
                ลูกสูบปั๊มบนเบรค                                         100
                สต๊กเกอร์                                                       30
                ปลอกแฮนด์                                                  180
                ชุดซ่อมคาบู+กรอง นมค + ค่าส่ง                  210
                กรองอากาศ                                                    40
                น้ำมันเครื่อง 2 ป๋อง                                       300 
                แผ่นอคลิลิคใส                                               45
                น๊อตเกลียวปล่อย                                            20
                สีอคลิลิค(ทาเข็มไมล์ ไม่เวิค เป็นค่าโง่)         30                

                รวม                                                           11,440

            ก็เยอะอยู่นะ แต่เงินเท่านี้ คิดว่าจะซื้อ ฮอล แยม ได้รุ่นไหน สภาพใหนกันจ๊ะ แต่กับน้องเบส ตอนนี้มันบ้าสมตัวแล้ว พยศได้ใจ และ คงไม่ต้องดูแลอะไรเค้าไปอีกสักพักนึงละมั้ง ลุ้นๆอยู่5555
                                      

                 อีกนิด กับรถไม่มีครัช ก็เข้าใจมาตลอดว่ามันไม่มี แต่ความจริงมันมี คือมันทำงานพ่วงกะเกียร์ โดยที่มันจะทำงานระหว่างการกดเกียร์ ถ้าใครชอบถ่ายรูปคงจะเข้าใจการกดชัตเตอร์ครื่งเดียว นี่ก็เหมือนกัน กดเกียร์แค่ครึ่งเดียวมันจะเป็นครัช ตัดการส่งกำลัง กดต่อไปก็คือเปลี่ยนเกียร์ 
               ที่ชอบรถมีครัช (แต่ไม่ได้ซื้อ) ก็เพราะ รำคาญ Engine Break มันคืออะไร เวลาวิ่งเร็วๆแล้วผ่อนคันเร่ง มันจะมีอาการ ล้อลากเครื่อง นั่นเอง บางทีลากไม่ทันจนเหมือนจะล้อตายถูถนนดังครากๆ เสี่ยงที่จะตูดปัด เกิดอุบัติเหตุได้เลย ถ้าโช่หย่อนยิ่งน่ากลัว 
             ทีนี้พอรู้ว่าจะใช้งานครัชกับรถไม่มีครัชนี่ยังไงเลยชอบใจมากเลย เวลาวิ่งเร็วๆ ยาวๆ เมื่อยมืออยากจะละคันเร่งก็ไม่ต้องกลัว Engine Break แล้ว กดเกียร์ลงนิดพอเครื่องเสียงเปลี่ยนก็โอเครล่ะ
            
            เป็นอีกหนึ่งความรู้จากน้องเบส

**** น้องเบส แม่ง สวย ว่ะ 5555 ***


           

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558

8 ช่างมั่ว (อย่างมีหลักการ) จำเป็น ยำคาบู (Carburetor) Episode 2


จากภาคที่แล้ว

            ได้ทำ คาบู เพี้ยนๆ ที่เร่งแล้วสำลัก ให้พอจะเร่งขึ้นรอบสูงได้ อย่าง ช้าๆ ช้ามาก แต่ก็แรงพอที่จะอัดมันได้เกือบ 100 แต่กลัวตาย เลยต้องปรับปรุงช่วงล่างกะเบรคนิดหน่อย (แต่เสียตังเยอะ) หลังจากนั้นได้เอาน้องเบส ไปวิ่งเล่น ความจริงเอาไปต่อภาษี แล้วก็เปลี่ยนสีตามทะเบียนให้ถูกต้องซะ จาก แดง เป็น แดง-ดำ

               ตรวจสภาพทีเดียวทำเรื่อง 2 อย่างไปเลย
                แถมด้วยวิ่งหาไปรษณีเพื่อรับของที่สั่งซื้อไว้ทางอินเตอร์เน็ต ได้แก่

         ชุดซ่อมคาบู กับ
            ใส้กรองน้ำมันเครื่อง มันเป็นไงนะ เดี๋ยวรู้กัน แม่ม รถ 110 cc สูบเดียว มีกรองน้ำมันเครื่องยังกะรถยนต์ 

ใด้ความรู้บางอย่างจากพี่คนขายด้วย
         
          พอกลับมาจากวิ่งยาว ดูไมล์ วิ่งรวมๆเกือบสามสิบโล ทางตรงอัด 60 - 80 ตลอด ถือว่าโหดล่ะสำหรับรถที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ก็รอดกลับมา แต่พอถึงบ้าน เอาออกไปซื้อขนมเท่านั้นแหละ เกิดเร่งไม่ขึ้น ไร้เรียวแรง แถมมีเสียงระเบิดออกคาบูอีก 
          ใจหายวาบ เลย เซ้นมันบอกกว่า วาวล์เป็นห่าไรเปล่าวะ (หายากแล้วก็แพงมากสำหรับรุ่นนี้)
           ทำไมคิดงั้น รอบทำงานเครื่อง 4 จังหวะ คือ 
           ดูด วาวล์ไอดีเปิด ไอเสียปิด
           อัด        ไอดีปิด  ไอเสียปิด
           ระเบิด    ไอดีปิด  ไอเสียปิด
           คาย        ไอดีปิด  ไอเสียเปิด
           วาวล์ไอดีคือวาวล์ ที่เปิดปิดระหว่าง เครื่องยนต์กับคาบู จะเปิดตอนรอบดูดอากาศกับเชื้อเพลิงเข้าเท่านั้น ทีนี้ มันมีลมระเบิดออกมาที่คาบู แสดงว่า 
          อาจจะ
          1.ต้องมีการผิดจังหวะของระบบเปิดปิดวาวล์แหงม แทนที่จะเปิดในจังหวะดูดเสือกเปิดในจังหวะอัด อันนี้ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าตั้งให้มันทำงานผิดจังหวะ เครื่องจะไม่ทำงานแต่แรก แต่นี่มันเคยทำงานได้ดีมาก่อนน้าาา
          2.วาวล์พัง รั่ว หัก ละลาย อะไรก็ตาม อันนี้เลวร้ายสุด
          3.อันนี้จินตนาการว่าเป็นไปได้ และน่าจะเป็นที่สุดไม่งั้นกูได้ขายรถทิ้งเป็นเศษเหล็กแหงม คือ การจ่ายน้ำมันของคาบูมีปัญหา ผสมกับ วาวล์ไอเสียไม่เปิด 
            กลับไปดูรอบการทำงานใหม่ พอไอดีเข้าไป อัดแล้ว น้ำมันมากไปหรือน้อยไป ทำให้จุดระเบิดไม่ติด แต่วาวล์ไอเสียก็ไม่เปิดให้แรงอัดระบายออก ทีนี้มาถึงรอบเปิดวาวล์ไอดี แรงอัดที่ค้างกระบอกสูบเลยดันออกมาทางคาบูนั้นเอง เจ้าพระคู้น เป็นหยั่งงี้เถิด จะได้ทำแค่ตั้งวาวล์ไอเสียให้มันทำงาน กับซ่อมคาบู กรูจน เข้าใจม้ายยยยยย

      เลยต้องรื้อใหญ่เลยทีนี้ เพราะยังไงก็ต้องรื้อเอาของที่ซื้อมาทางเน็ตใส่เข้าไปด้วย
          
          ขั้นน๊อตถ่ายน้ำมันใต้เครื่อง เอาน้ำมันเครื่องออกมาให้หมด เพราะมันเป็นเครื่องที่น้ำมันเครื่องเแทรกเข้าไปทุกซอกมุมจริงๆ ดำปี๋เยย

            ถอดคาบู กับกรองอากาศให้หมด เพราะ มันขวางทาง แล้วจัดการขันน็อต "ฝาปิดช่องตั้งวาวล์" ออกมา

             แล้วก็เจอตูดวาวล์ กับปลายกระเดื่องวาวล์ ที่เอากระดาษไปพับคั่นนั่นคือช่องว่างที่เค้าจะตั้งวาวล์กัน จะมีระยะห่างตามสเปกเครื่องแต่ละรุ่น รุ่นนี้ต้องห่าง 0.04 มิลมั้ง ที่ต้องมีระยะห่าง คือระยะห่างตอนเครื่องเย็น เวลาร้อนโลหะจะขายตัวจนมันชนกันพอดี ละมั้ง ตามทฤษฎี ความจริงต้องมีอุปกรณ์เรียกว่า ฟิลเลอเกจด้วยนะ แต่ว่า ช่างมันเถอะ (ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง)
            แอบดูรูปอะไหล่นิดนึง
           

                  การทำงานของมันคือ มีเพลาลูกเบี้ยวที่จะหมุนตามเครื่อง เชื่อมต่อกันด้วย โซ่ราวลิ้น เดี๋ยวว่ากันทีหลัง เพลาลูกเบี้ยว ชื่อทางการคือ แคมชาร์ป เรียกกันสั้นๆ ว่า แคม ที่ว่าเปลี่ยนแคมๆ ก็คือไอ้นี่แหละ มันต้องเบี้ยว เพราะในระหว่างรอบการหมุน จะมีช่วงนูนดันกระเดื่องวาวล์ ให้ไปกดวาวล์ตามรูป

ทีนี้มาดูปัญหาของเรากัน จากที่เดาแต่แรกปัญหาน่าจะมาจาก ด้านวาวล์ไอเสีย

         มันอยู่ข้างล่าง ต้องมุดๆดู ก็เจอสิ่งที่น่าแปลกใจ คือ ชิ้นส่วนกระเดื่องวาวล์มันแปลกๆ วะ มันน่าจะเหมือนกันดิ คือมันมีติ่งนูนๆ อยู่ นะ ดูรูปอะไหล่ไม่เห็นมี แปลกนะ แต่เดี๋ยวก่อน

         จะดูจะตั้งวาวล์มันต้องตั้งรอบให้ถูกด้วยรอบที่จะตั้งวาวล์กันคือ รอบอัด คือจุดที่ลูกสูปขึ้นสูงสุด วาวล์จะต้องปิดทั้งคู่ กระเดื่องวาวล์จะไม่กดตูดก้านวาวล์นั่นเอง 
          ก่อนอื่น ถอดหัวเทียนก่อน ไม่งั้นถ้าจะดันลูกสูบให้ขึ้นสุดตอนที่วาวล์ปิดหมด มันจะเด้งลงด้วยแรงอัด ต้องมีรูให้อากาศมันออก

          แล้วก็เปิดฝาดูเพลาลูกเบี้ยว นึกว่าจะเจอโซ่ราวลิ้น มีฝาปิดอีกชั้นซะมิดเป็นวงล้อสีดำ มองหาพี่มาร์ค เอ้ย มาร์คอะไรซักอย่าง ยังไงผู้ผลิตมันก็ต้องทำมาวะ ก็เจอที่วงๆด้านซ้าย เป็นรูที่ฝาสีดำกับ ร่องแหว่งๆ ตรงขอบที่ปิดฝา ส่วนวงแดง ด้านขวานั่นต้องขันน็อตออกดู ถ้าหมุนวงล้อสีดำจนรูเล็กๆบนล้อกับรอยแหว่งด้านซ้ายอยู่ไกล้กันที่สุด ตัว T จะปรากฎอยู่ในรูด้านขวา นั่นคือตำแหน่งที่ลูกสูบอัดสูงสุดอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะตามที่ดูวิดีโอของยี่ห้ออื่นมาก็คล้ายๆกัน555
         
             มาดูวาวล์ไอเสียกันอีกที และต้องอึ้ง เทียบกับวาวล์ไอดี วาวล์ไอดีมันยังมีกระยะห่างเยอะ (เยอะเกิน) แต่วาวล์ไอเสียนี่กระเดื่องวาวล์แนบชิดกับตูดก้านวาวล์เลยนี่หว่า ที่ว่าวาวล์ไอเสียไม่เปิดนี่ผิดซะละม้างงง
           แต่ลองง้างกระเดื่องวาวล์ดูเท่านั้นแหละ แม่ม ง้างฝืนสปริงออกมาห่างตูดวาวล์ได้เป็นเซ็นติเมตร เลยลองหมุนเครื่องดู ปรากฎว่า กระเดื่องวาวล์ไอเสียแทบจะไม่กดวาวล์ลงไปเลย โอววววว มาถูกทางแล้วครึ่งนึง
           ทีนี้เลยหมุนให้มาร์คตรงอีกที แล้วจับกระเดื่องวาวล์ไอเสียยกฝืนสปริงขึ้นมาแล้วขันตัวกดวาวล์จนชนตูดวาวล์โดยเอา A4 พับสองชั้นรอง ขันน็อตล็อกให้แน่น พอละ
           ทีนี้ มาดูวาวล์ไอดี

           ต้องตั้งใหม่เหมือนกัน เพราะ ด้านนี้ก็ห่างเกินเหมือนกัน ฝั่งนี้ใช้กระดาษบางกว่า A4 เล็กน้อย(โคตร มีมาตรฐานเลย555) ที่มันห่างเป็นสาเหตุของเสียง แต๊กๆ เวลาเครื่องทำงานด้วย

         แล้วประกอบให้เหมือนเดิม อันนี้สำคัญ รถประกอบในไทย พี่ไทยไม่น่าทำเกิน

จบไปสำหรับ วาวล์ แต่ยังไม่รู้ผลว่าจะเป็นไง 

        ทีนี้ มาใส่ของที่ซื้อมากันเถอะ 

    มองหาปั้มน้ำมันเครื่อง ฝากลมๆ น็อตสามตัว Suzuki เหมือนกันแทบทุกรุ่น 

      ขันน็อตเปิดฝา น้ำมันเครื่องที่ค้างก็ทะลักออกมา หาอะไรรองแทบไม่ทัน
        และ  นี่คือกรองน้ำมันเครื่องที่จะเปลี่ยน ราคา 45 บาท

        เอาของเก่าดำๆ ออกมา เอาของใหม่ใส่เข้าไป

        ปิดฝาอย่างเดิม เติมน้ำมันเครื่อง อ่อ ต้องไม่ลืมขันน็อตอุดใต้เครื่องก่อนด้วย เพราะลืมมาแล้ว555

จบกับเครื่องยนต์ แต่ก็ยังทดสอบอะไรไม่ได้อยู่ดี


             มาถึงพระเอกของงานล่ะ ต้องเรียกว่า ปอดน้องเบส มั้ง ตอนนี้ปอดเน่าอยู่
         อะไหล่ที่ซื้อมา 120 บาท ไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร ต้องถอดดูถึงจะรู้ว่ามันอยู่ตรงไหนมั่ง

         รื้อแหลก เอาเสปรย์น้ำมันฉีดๆตามรูแล้วก็เอาโซฮอล 91 จากในรถมาราดๆ อะไรที่ซื้อมาเปลี่ยนก็ ใส่ๆ มันไป ยางรอง เข็มลูกลอย ตัวปรับรอบเดินเบา สปริงลูกโช้ค 

         หน้าตาลูกเร่งน้องเบส ชักขึ้นชักลงตามแรงดันอากาศ แลยต้องมีแผ่นยางรับแรงปะทะของลมนั่นละ กับสปริงใหญ่ๆ นั่น รู้สึกมันอ่อนมากเลย ไม่รู้อ่อนเป็นปกติรึอ่อนตามอายุ แต่ไม่มีในชุดซ่อมอะไหล่ที่ซื้อมา มีแต่ของชิ้นเล็กๆ แต่ถ้าหายไปสักชิ้นนึงนี้ น้องเบสได้กลายเป็นแค่ที่นั่งเล่นไปพักนึงแน่

         บางชิ้นใช้กันไม่ได้เลยไม่ใส่ โดยเฉพาะเข็มเร่ง ของเก่ามันไม่แหลม แต่ของใหม่มันแหลม เอ รึจะผิดรุ่นหว่า เพราะ Best 110 มันมี 2 รุ่นด้วย แต่ช่างมันเข็มเก่ายังดีอยู่

          นมหนูเดินเบา ของใหม่มันใหญ่กว่า รู้สึกว่าเครื่องเดินเบามันน้ำมันหนาอยู่แล้ว (เพราะมันสตาร์ทติดง่ายมาก) เลยไม่เปลี่ยน

        เปลี่ยนเสร็จก็ประกอบกลับ จูนรอบเดินเบาลงตัวแล้ว ลองขี่ แล้ว มันก็ยังเร่งไม่ขึ้น แย่กว่าตอนยำคราวก่อนอีก ไม่มีแรง เร่งวอด เร่งดับ เฮ้อ ไม่ถ่ายรูปละ เครียด เครียดมาก ลองสอบถามราคาคาบู จากพี่คนเดิมที่ซื้ออะไหล่มา ก็ประมาณ 2000 กว่า ถ้าแปลงคาบูของ Suzuki Smash ใส่ก็เกือบ 2000 ก็ยิ่งเครียด จะทำไงให้น้องเบสวิ่งใช้งานได้ไปก่อนฟะ 
       แล้วก็คิดว่า จากที่น้องเบสมีระบบบายพาส รึอะไรก็ตามที่มันทำงานรอบสูง แต่มันไม่ค่อยทำงานเนื่องจากความบกพร่องของสายยางและสปริงที่ไม่รู้จะหามาเปลี่ยนได้มั้ย กับ ถ้าเอามาเปลี่ยนจะปกติมั้ย 
       การทำงานรอบต่ำของน้องเบสก็โอเค แต่ถ้าเร่งรอบสูงไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร ไอเดียเบื้องต้น 
       "ทำไมไม่ปรับระบบรอบสูงให้มันทำงานกว้างขึ้นลงมาถึงรอบต่ำด้วยล่ะ ????"

       มาวิเคราะห์ระบบกัน
       อันนี้ระบบเดิม คือ
       ในรอบต่ำ บิดคันเร่งเล็กน้อย ลมไม่มีการบายพาส จะดันลูกเร่งสูงระดับนึง ที่เข็มเร่งจะชักน้ำมันขึ้นมาผสมอากาศอย่างพอเหมาะ
       พอบิดคันเร่งมากขึ้น อากาศเข้ามากขึ้น ดันลูกเร่งสูงขึ้น น้ำมันขึ้นมามากขึ้น รอบเครื่องสูงขึ้น แรงดูดอากาศสูงขึ้น
        พอแรงดูดสูงถึงจุดที่วาวล์บายพาสทำงาน แรงดูดจะถูกตัดผ่านทำให้ลูกเร่งไม่สูงไปมากกว่านี้อีกแล้ว ป้องกันความเสียหายกับแผ่นยางรับอากาศ เข็มเร่งเปิดให้น้ำมันขึ้นมาผสมอากาศเท่าเดิม แต่แรงดันต่ำจากอากาศที่ไหลเร็วจะดึงน้ำมันออกมามากกว่าเดิมเอง
       จะเอาอะไรมาพิสูจน์ความถูกต้องของระบบที่วิเคราะห์ได้นี่ล่ะ

         เข็มเร่งเดิมนั่นไง มือถือถ่ายไม่ชัด วาดรูปให้ดูละกัน
         

          เข็มเร่งน้องเบสจะไม่เรียวแหลมไปซะทีเดียว แต่จะมีช่วงปลายที่แทบจะไม่เรียวลงเลย จึงคาดว่า เป็นจุดที่ลูกเร่ง ถูกชักขึ้นสูงสุด และมีระบบบายพาสไม่ให้ยกสูงไปมากกว่านี้แล้ว โดยช่องว่างที่ได้จะมากพอให้อากาศที่ไหลเร็วดึงน้ำมันจากนมหนูเอง
           
          แล้วปัญหาคืออะไร ? คือ1. มันไม่ยอมบายพาสไง กับอีกอย่าง 2.มันบาสพาสก่อนเวลาที่ควรจะเป็น ถ้าไม่ยอมบายพาส เข็มเร่งก็จะขึ้นสูงเกิน เปิดช่องให้อากาศมาก อากาศไหลช้า ลง แรงดูดน้ำมันก็ไม่มี น้ำมันไม่ออกไปผสม น้ำมันบางเครื่องก็ป็อด ถ้ามันบายพาสก่อน เข็มเร่งยกน้อย น้ำมันก็ขึ้นน้อย เครื่องยังรอบต่ำแรงดูดไม่มี อาจจะต้องรอนานกว่าเครื่องจะได้รอบ หรือไม่ก็ เร่งยังไงก็ไม่ขึ้น 
         จากที่วิเคราะห์ อาการก็ไกล้เคียงกับน้องเบสนะ 5555 คิดเข้าข้างตัวเองเล็กน้อย
      
        แล้วทำไงวะ ?  ก็มี 2 ทาง ถ้าไม่ซ่อมระบบบายพาส เพราะเกินความสามารถ คือ ให้มันบายพาสตลอดเวลา หรือไม่ก็ ไม่บายพาสเลย จากเหตุผลของระบบบายพาสที่วิเคราะห์มา คือ ป้องกันความเสียหายของแผ่นยางรับลม ทางเลือกที่จะบายพาสตลอดจึงน่าจะดีกว่า

        เริ่ม ยำ!!!!!! 
        ก่อนอื่นทำให้ระบบบายพาสทำงานตลอดเวลา
            ก็แค่เอาสปริง หมายเลข 2 ทิ้งไป แผ่นหมายเลข 3 ก็จะไม่กดวาวล์ลูกปืนหมายเลข 1 ไปตลอดกาลนานเทอญ
            ลองเอาคาบูใส่เครื่องดู ปรากฎว่า สตาร์ทติดได้ แต่บิดคันเร่ง เครื่องดับทันที ไม่แปลกใจ เท่าไร  เพราะ พอบายพาสแล้ว ลูกเร่ง เข็มเร่งจะยกตัวน้อยกว่าเดิมมาก น้ำมันไม่ลง เครื่องดับน่ะ ถูกแล้ว

             จะทำให้น้ำมันลงก็ต้อง ดัดแปลงเข็มเร่ง ไง ที่กล้าทำ เพราะไม่มีอะไรจะเสีย อย่างมากก็เปลี่ยนคาบูมันทั้งลูกแหละ 
             ดัดแปลงเข็มเร่งยังไง ??
      



          ก็ เมื่อมันโดนลดแรงชักให้ชักน้อยลงทำให้เข็มเร่งยกตัวไม่มาก ช่องทางน้ำมันออกมาน้อย แต่อยากให้น้ำมันออกมาได้ก็แค่ ลดขนาดเข็มเร่งลง ในช่วงการทำงานที่ต้องการ นั่นเองล่ะนะ
         ง่ายๆ แต่ทำยังไงให้พอดีกับเครื่องละวะ

          วงจรอุบาทว์ บังเกิดซิจ๊ะ
          
          ไม่ยาก ลองดูนะ

           1.ถอดเข็มเร่งออกมา ฝน กับหินลับมีดตามตำแหน่งที่ต้องการให้เล็กลง อย่างสม่ำเสมอ ทีละน้อย เดี๋ยวจะมากเกินไป
          
           2.ประกอบเข็มเร่งเข้าไปในคาบูเรเตอร์

           3.ประกอบคาบูเรเตอร์เข้าไปในตัวรถ

           4.ลองติดเครื่องลองเร่ง และออกไปวิ่ง

           5.สังเกตุอาการรถ ในทุกช่วง รอบ ความเร็ว กำลัง

           6.ถ้าไม่เวิร์ค กลับมาเริ่มที่ 1 ถ้ารอบต่ำแรงไม่ดี ฝนโคน รอบสูงแรงไม่ดี ฝนช่วงปลาย
     
           กระบวนการแต่ละรอบ ใช้เวลา เกินครึ่ง ชม.

       รายงานการดำเนินงาน ลองเครื่องไป 5 รอบ ทำข้ามวันเลยทีเดียว ขี่ไปขี่มาจนอายชาวบ้าน ก็จบ เพราะเหนื่อย แต่ผลที่ได้โอเคในระดับที่รับได้ ทฤษฎีที่วิเคราะห์มาน่าจะถูกต้อง

       ผลที่ใด้ ขั้นสุดท้าย
      1. สามารถเร่งจนหมดปลอกได้ รอบค่อนข้างนิ่งมั้ง แต่พอเร่งหมดปลอกปรากฎว่ามีควันดำ อาจเกิดจากเผลอไปฝนตรงปลายเข็มมากไป ช่วงรอบสูงน้ำมันเลยหนาเกิน เผาใหม้ไม่หมด แต่ใช้งานจริงไม่เคยบิดหมดปลอกอยู่แล้ว ไม่น่ากังวล
      2.รอบต่ำ(หมายถึงตอนบิดคันเร่งน้อยๆ)แรงไม่ค่อยมี รอบไม่นิ่ง น่าจะฝนโคนเข็มน้อยเกิน แต่ขี้เกียจแกะออกมาแล้ว ช่างมัน
      3.รอบกลางถึงสูง นิ่ง เกียร์ 4 รอบจะนิ่งสุดๆ ที่ความเร็ว 50-60 และแรงมาดีสุดด้วย
      4.ขี่ยาก ต้องฟังรอบเครื่องดีๆ แต่สมเป็น Suzuki บ้าๆแล้วล่ะ
      5.ไม่มีอาการระเบิดออกคาบู ท่อยิง
      สรุป 
      จากการวิเคราะห์แล้วลงมือทำมาทั้งหมด น่าจะแก้ปัญหาได้ค่อนข้างตรงจุด มั้ง ตั้งแต่ทำเสร็จ ถึงตอนทำบล็อค ก็วิ่งไป 40 กว่าโลแล้ว วิ่งไกลรวดเดียวสูงสุด 10 โล(ความเร็วเฉลี่ย 60 สูงสุด 80 ตูดระบม) ยังไม่เจอปัญหาอะไรกับเครื่อง เว้นแต่ ถ้าเข้าเกียร์สูง เบาไม่ได้ จะกระตุกดับบางครั้ง อันนี้น่าจะมาจากครัชแข็งเกินไม่น่าเกี่ยวกับคาบู ละมัง เครื่องร้อนน้อยกว่าเดิม นิสสสสส นึง


มีคนบอกเล่นสองจังหวะมือดำ สี่จังหวะก็มือดำเหมือนกันวะ