วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คาบู แดช ในตำนาน กับกรองเทพมารสะท้านฟ้า

        ไม่ได้ตั้งใจจะแต่งแรง บ้าพลังแต่อย่างใด แต่ไอ้คาบูเจ้ากรรมนายเวรที่พยายามชุบชีวิตมันมาจากตอนที่ผ่านมามันขุนไม่ขึ้นแล้ว แต่ก็ลากมันขี่เฉียดๆ 1000 โลได้ก็โอเคระดับหนึ่งแล้ว ไม่อยากพูดถึงมันมากก็ขอสรุปละกัน ว่า สาเหตุ มันเกิดจาก ไอ้สปริงลูกเร่งสุญญากาศ มันล้าเต็มทนแล้ว

        ไอ้สปริงที่แหลมมาหน่อยในรูปนั่นแหละ มันแทบจะกลายเป็นลวดธรรมดา เลยทำให้คาบูจ่ายน้ำมันไม่สม่ำเสมอ และจ่ายมากเกิน บางทีลูกเร่งเปิดค้างจนน้ำมันท่วมต้องถอดคาบูถอดหัวเทียนผึ่งไว้ให้น้ำมันแห้งถึงสตาร์ทติด 
        จะซื้อคาบูใหม่ ก็ สองพันกว่า แถม ไม่รู้จะอยู่ได้นานเท่าไร จากที่ปล้ำกับมันมาสักพักรู้สึกว่ามันบอบบางเหลือเกิน อีกอย่าง ยังไม่ได้เปิดเครื่องดูสักทีว่า เจ้าของเดิมแต่งลูกเอาไว้รึเปล่า เพราะถ้าเครื่องมีอะไรเปลี่ยนไป คาบูเดิมก็คงไม่เข้ากันอยู่ดี
        อีกทางเลือกคือ คาบูสแมช mikuni vm 17 แต่ก็ต้องแปลงคอหรีด สายคันเร่ง และไม่รู้ว่าจะต้องแปลงกรองมั้ย  งบอาจจะบานปลายกว่าคาบูเดิมก็ได้

        นั่งคิดนอนคิดอยู่นานก็ถึงจุดจบของคาบูเดิม มันอยากลาโลกเต็มที ท่วมแล้วท่วมอีกจนเหนื่อย ตอนที่ตังน้อยด้วย หลังจากได้ยินแว่วๆว่า คาบูแดช ใส่ได้ทุกอย่าง โอ้ว ที่มันคาบูเทพชัดๆ
       นอกจากแดช ยังมีคาบู n โปร อันนั้นเทพสำหรับรถ 150 ขึ้นไป รถเราแค่ 110  ก็คงต้อง แดชนี่แหละ หุๆๆๆ
     
       

         ก็เลยลากน้องเบส ป๊อดๆๆ ไปถึงร้านแต่งรถ กำตังไปพันนึง คุยไปคุยมา ค่าคาบู ค่าแปลง นู่นนี่ น่าจะพันกว่า ก็มีตังแค่พันเดียวนี่หว่า เลยซื้อคาบูมาตายเอาดาบหน้าที่บ้าน 55 โปรดอย่าถามว่าจริงรึปลอม555


          ยัดเลยรออะไร ต้องข่มขืนรูเดิมนิดหน่อยแต่ก็เข้าได้  สายคันเร่งอะไรไม่ต้อง ลองตื้บดู ปรากฎว่าเครื่องติด ด้วย ดีใจๆ แต่ว่า

          นี่ละปัญหา สายคันเร่งเดิมมันหัวโต๊โต ก็เลย
          ทุบหัวมันซะ
          
           และ สายมันสั้นมาก ตึงไม่ถึงลูกเร่งแลยต้องจัดการ
           
        ถอดจุกมันทิ้งซะ
      
        แต่พอจะต่อกรอง เอาล่ะซิ มันต่อไม่พอดี บากคาบูมันใหญ่กว่าเดิม เอาไว้แก้ปัญหาทีหลัง
       
       อันนี้ยางต่อหม้อกรอง ซื้อของใหม่มาแล้ว เลยเอาของเก่าของด้านที่ต่อกับหม้อกรองมันใหญ่ สวมกับคาบูแดชใด้พอดี แต่มีลิ้นวงในอยู่เลยคลิปมันทิ้งซะ แล้วประกอบทุกอย่างเข้าไปในรถ ต่อสายคันเร่งให้เรียบร้อย


        ประกอบเสร็จก็กลายเป็นรถแต่งคาบูเปลือยหันข้างซะแบบนี้ สายน้ำมันก็สั้นไปหน่อย ก็เลยเอาสายที่แถมมากะคาบูนั่นล่ะเสียบปลายต่อซะเลย พอดีจนน่าตกใจ555 สายโช้คก็ลอยไว้ ก็มันดึงไม่ถึงนี่นา
        อ่อ คาบูแดชที่ซื้อมาเค้าอุดรู น้ำมัน 2t ของเครื่องสองจังหวะแล้ว แต่เหลืออีกรู เค้าเผื่อสำหรับสายดูดอากาศของก็อกน้ำมัน แต่เราไม่ใช้ เลยต้องอุดด้วย

        พร้อมจะใช้คันเร่งแล้ววววว สตาร์ททททท
        บรึ้มมม พอยกคันเร่งเท่านั้นแหละ ป็อดดดดด ๆๆๆๆๆ ดับ

        เอาไงดีวะ
        ศึกษามานานเขาว่า ให้ไล่นมหนู แต่ นมหนูไม่มี ไม่มีตังซื้อด้วย ออกไปซื้อก็ไม่ได้แล้วด้วย รถเจ๊งบ๊งอย่างนี้
         ไล่นมหนูก็คือ เอานมหนูหลายๆ เบอร์มาลองเปลี่ยนอ่ะ เผื่อคนอ่านไม่เข้าใจ แล้วนมหนูคืออะไร หาดูในอากู๋ละกัน
        หันไปเห็นคาบูเก่า ไอเดียก็เจิดจ้าทันที หึๆๆ
        ปากคาบูพอๆกัน นมหนูที่ติดมากับคาบูแดชก็ไม่ใหญ่มากนัก ของเก่ากะของใหม่มันเข้ากันไม่ได้น่ะ ไอ้ที่จะแทนกันได้เห็นจะเป็น

          เสื้อเข็มเร่งงงงงงง
          ในหัวคิดว่า ถ้ามันใช้กับของเดิมแล้วโอเค มันก็น่าจะควบคุมน้ำมันคาบูแดชให้พอดีได้ด้วยมั้งงง
 แต่ติดที่ เข็มเร่งคาบูแดช มันอันบะเร่อออ
          
            เทียบกันยังกะไม้ลูกชิ้นกะไม้จิ้มฟัน และ แน่นอน เสียบกับเสื้อเข็มเร่งเดิมแล้วมันคับเข้าไม่ได้ 
            ด้วยสัญชาตญาน และ ประสบการณ์ที่เคยทำสำเร็จมาก่อนหน้า เอาวะ ไม่มีอะไรจะเสีย

            ฝนเข็มอีกแล้วกรู โดยเอาขนาดเข็มเร่งคาบูเดิมเป็นต้นแบบ เอาขนาดเริ่มต้นที่ยัดเสื้อเข็มเร่งได้ก่อน
             
           แล้วก็เริ่ม กระบวนการ จูนคาบูแบบไม่ไล่นมหนู กันอีกแล้ววว ช่างมอไซค์ตัวจริงมาเห็นคงงง หรือขำว่า แม่งไปเรียนสำนักไหนมาวะ (ก็เพราะไม่ได้เรียนไงเลยมั่วแหลก555)

             1. ฝนให้ช่วงโคนเข็มมันเท่าๆกันให้เข้าไปในเสื้อเข็มเร่งได้ก่่อน อย่าฝนไปโดนปลายให้มันเล็กลงนัก
             2.จูนรอบต่ำให้หนาไว้ อันนี้เพิ่งมาคิดได้ที่หลังว่าควรทำ แต่ทำไปโดยสัญชาติญานแท้ๆ เพราะ ถ้าฝนเข็มเล็กเกิน มันทำให้ใหญ่ขึ้นไม่ได้ ถ้าจูนบางไว้เวลาทดสอบเข็มจนลงตัวแล้ว ยังมีเนื้อเข็มเหลือสำหรับความผิดพลาดที่ไม่คาดคิด เนื่องจาก กรองยังไม่ได้ใส่ คิดเอาเองล้วนๆนะ
             3.เอาเข็มใส่ สตาร์ท แล้วลองเร่งดู ถ้ายังป๊อดๆ กระตุกดับ ก็ฝนให้เล็กลงอีก
             4.พอเร่งได้ตรงไหนรอบนิ่ง ก็เร่งต่อจนป็อดดับไป แต่อย่าละคันเร่ง เปิดปากคาบูดูว่าเข็มยกถึงตรงไหนก็ฝนตรงนั้นให้เล็กลงอีกหน่อย
             5.ไล่ฝนมันไปเรื่อยๆ จนยกคันเร่งได้จนสุด กำลังเครื่อง นั่นล่ะ

             ไม่ได้สอนให้ทำกันนะ แต่นี่คือสิ่งที่ผมทำ ผลที่ได้ ก็น่าพอใจระดับนึง หนวกหูชาวบ้านไปวันนึง 555
            พอเร่งได้จนสุดรอบ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ บิดคันเร่งแรงๆ ไม่ได้ ต้องแร่งเบาๆ อันนี้น่าจะปกติสำหรับการใช้คาบู 2 จังหวะเอามาใส่ 4 จังหวะจากที่เคยๆ ได้ยินมาบ้าง อีกปัญหานึงคือ 
           จะต่อหม้อกรองยังไงฟระ
            คิดไปคิดมามีทางลือกอยู่ 3 ทาง

           1. จะหาท่ออะไรสักอย่างมาต่อแทน คุณสมบัติ ทนความร้อนระดับนึง อากาศไม่รั่วไหลฝุ่นผงไม่เข้า แข็งแรง และ ขนาดพอดี โคตรหายากเลย ยอมแพ้
           2. แปลงหม้อกรอง ให้ใช้ยางต่อคาบูใส่กลับทางได้ ก็เสียดายกรองเดิมเผื่อมีตังอยากหาคาบูแท้ๆ มาใส่คืน
           3. ใส่กรองใหม่แม่มเลย คิดๆดูแล้ว ตอนจูนด้วยการฝนเข็มก็ไม่ได้ใส่กรองนิ จะใส่กรองเปลือยไปเลยจะเป็นไรไปว้าาาา เอาทางเลือกนี้แหละ

           ว่าแล้วก็วิ่งรถเปลือยๆ ไปร้านแต่งมอไซ ทั้งคนขาย ลูกค้า มองรถแล้วก็มองหน้า แบบงงๆ แต่แล้วก็ได้ไอ้นี่มา
           กรองแต่งคุณภาพต่ำ รูโหว่เบอเร่อ ต้องมาไล่เอาซิลิโคนอุดอีก แต่ก็น่าจะกันฝุ่นพอได้ล่ะ ราคาไม่แพงนัก 90 บาท
          
            แล้วก็ถอดกรองเดิมออกไปซ้าาาาาา
            
           จับจุกยางต่อหม้อกรองของคาบูเดิมอันใหม่ ตกแต่่งเหมือนที่ทำกับอันเก่าให้เรียบร้อยแบบไม่เสียดาย ครอบคาบูเข้าไป หงายปากขึ้น
           

             แล้วเอากรองเปลือยที่ซื้อมาครอบต่อไปอีกที แหม ตำแหน่งมันช่างเหมาะดีแท้ๆ

            แล้วไอเดีย ก็บังเกิด เพราะคิดว่า ไอ้เจ้านี่ คงโดนน้ำไม่ได้เป็นแน่แท้

            ก็เลยวิ่ง ใส่กรองเปลือย เท่ๆ ออกไปร้านขายของสารพัดสิ่งอีกที เพื่อหา ไอ้นี่
            กระป๋องน้อยๆ
            

           ครอบกรองได้พอดีเยย
          



          เจาะรูฝา แล้วยัดมันเข้าไป สวยงามแท้

         

        ลองใส่แล้วใส่บังลมดูด้วยว่ามันไม่คับที่คับทาง 

   

         เจาะช่องลม แล้วก็พ่นสีที่ยังเหลือจากที่ทำสีเมื่อนานมาแล้ว 
         แล้วก็ประกอบร่าง เอาเส้นรัดสายไฟรัดไว้ กับรูน็อตกรองเดิมน่ะแหละ

อ่อ

        
        ตรงรูโช้ค พอดีสายโช้คต่อไม่ได้และไม่คิดว่าจะต้องใช้ เลยเอาลูกโช้คของคาบูเดิมมาอุดซะเลย เดี๋ยวอากาศมันจะเข้าไปทำให้คาบูเพี้ยนอีก แล้วเอาเป็นจุดยึดสายน้ำมันด้วย มันต่อกันไว้แบบเสียบกันเฉยๆ เดี๋ยวแกว่งไปแกว่งมาหลุดละงานเข้า รูตรงสายคันเร่งก็พยายามเอายางครอบด้วยเหตุผลเดียวกัน

        แล้วก็เหลือสายท่อโด่เด่อยู่อันนึง 
       มันเป็นสายระบายอากาศระบายไอน้ำมันเครื่องแหละ ต่อเข้าไปในห้องเกียร์ ถ้าน้ำเข้าได้ก็ตายห่า ปกติมันต่ออยู่กับหม้อกรอง แต่ก็ปลดมันออกไปแล้ว 

        เลยต้องหาอะไรหุ้มปลายกันน้ำเก็บให้มิดชิดซะหน่อย 

       สถานะน้องเบส ตอนนี้ เลย ต้องกลัวน้ำไปโดยปริยาย ลุยได้ไม่เกินครึ่งแข้ง แต่ก็ เข้าหน้าแล้งพอดี หุๆๆๆๆๆ



รู้สึกว่าเสียงบู้ๆๆๆๆๆๆ ของกระป๋องครอบกรองเปลือย จะดังเด่นกว่าท่ออีก 5555

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ใสวัดรอบเพิ่ม+บันทึกการใช้งานน้องเบส

        ทิ้งบล็อคไปนาน เพราะไม่รู้จะลงอะไร มีเรื่องใส่วัดรอบให้น้องเบสนิดหน่อย
         ตอนติดไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ยุ่งยากพอสมควรตรงที่จะติดยังไง สรุปเอาที่ใส่กระจกมองหลังแต่งหนีบแฮนมาหนีบ แต่แทบไม่มีที่ว่าง ต้องนั่งเจียร์ที่หนีบแฮนด์ให้เล็กลงหน่อย แล้วก็เจาะครอบแฮนด์ เอาวัดรอบถูกๆยึดติดเข้าไป
        วัดรอบที่ซื้อมามี 5 สาย ดำกับแดงเป็นสายไฟหน้าปัด ดำกับขาวเหลืองมั้งเป็นไฟเลี้ยงวัดรอบ เขียวเป็นสายสัญญาน

        ตอนแรกเข้าใจว่า ต้องต่อตรงสัญญานพัลเซอร์ที่ออกมาจากชุดสายจานไฟ แต่ต่อแล้วติดเครื่องเข็มไม่กระดิกเลย ตอนแรกคิดว่า โดนร้านขายของเสียซะแล้ว ลองไปลองมาเอามาจิ้มที่ไฟเข้าคอยล์หัวเทียน เข็มขึ้นมาดีใจจัง เลยต่อแบบนี้แหละ

        เชื่อมาตั้งนานว่า เครื่อง 4 จังหวะ จะจุดระเบิด รอบเว้นรอบ ดังนั้น สัญญาณจากคอยล์หัวเทียนน่าจะต้อง x2 เพื่อจะได้รอบจริง เพิ่งรู้ว่า ไฟหัวเทียนน้องเบสมันออกทุกรอบ หลังจากถอดมันมาแล้วลองเหยียบคันสตาร์ทดู  

        พอติดแล้วสตาร์ท รอบเดินเบาตั้งไว้ค่อนข้างสูง หลังจากโมคาบูเน่าๆให้มันยังทำงานได้ รอบเดินเบาน้องเบส เกือบ 2000 rpm เสียงเกือบจะเป็นรถออโต้เลย แต่ไม่เป็นไร น้องเบสเกิดมาเป็นพวกชักสั้นรอบสูงอยู่แล้ว รอบต่ำๆ ไม่ค่อยจะมีแรง555  เสียที่ตรง มันจะร้อนเร็วร้อนเยอะ ร้อนโคตร 

       เสียตังกับวัดรอบไป ตัววัดรอบ 450 ตัวยึดกระจกจับแฮนด์แต่ง 150 = 600 เหมือนจะไรสาระ แต่มีประโยชน์อยู่บ้างมั้ง

        ณ ปัจจุบัน ความเร็วกับรอบเครื่อง ที่ เกียร์ 4 จะอยู่เลขเดียวกันเลย คือ ถ้าวัดรอบชี้เลข 6 เข็มความเร็วก็จะอยู่ที่ 60 เอาไว้สังเกตุเวลาครัชมีปัญหาได้มั้ง ถ้ารอบไปไกลแต่ไม่ได้ความเร็วแสดงว่าครัชจับไม่ดีแล้ว 
      เอาไว้สังเกตุจังหวะเปลี่ยนเกียร์เวลาถนนมีเสียงดังมากๆฟังเสียงเครื่องรถตัวเองไม่ได้ยิน
      ตอนนี้นึกประโยชน์ได้แค่นี้

       ช่วงขณะพิมพ์บิดหมดปลอก เครื่องทำงานที่ 8000 rpm นิดๆ ที่เกียร์ 4 ยังไม่เคยบิดที่เกียร์ว่าง 

ทดสอบน้องเบส

          ได้จังหวะต้องเดินทางจากศรีราชาเข้า กทม. เลยลองเสี่ยงกับน้องเบสหน่อย ในระยะทางชิวๆ 100 โลนิดๆ พักเติมน้ำมันครั้งเดียว น้องเบสก็ยังไหว แต่ปรากฎว่า น้ำมันเครื่องหาย ต้องเติมเพิ่ม และมีคราบน้ำมันเครื่องที่ฝาสูบ น่าจะซึมทางช่องตั้งวาวล์ที่เคยเปิดมาตั้งก็เป็นได้

     แอป GPS offline ของ lumia 435 ดูมันวัดความเร็วมั่วๆ ไมล์น้องเบสค่อนข้างตรง คลาดเคลื่อนประมาณ -5 ทางตรงโล่งๆ ส่วนใหญ่ วิ่งที่ 60-70 ตามไมล์รถ แต่แอปมันวัดความเร็วสูงสุดได้ 43 ถ้าวิ่งแค่นั้นจริง 100 กิโล  ในสอง ชม กว่าๆ คงไม่ต้องติดไฟแดงเลยมั้ง 555

        
        
        ในวันรุ่งขึ้นก็กลับจาก กทมเลย ต้องเติมน้ำมันเครื่องเกือบขวด แถมยางรั่วต้องขี่บทถนนบางนาตลาดหลายกิโลกว่าจะเจอที่ปะ ดันรั่วล้อหน้าด้วยวิ่งบดตอนยางแบนๆ มือสั่นเลี้ยวก็ยาก กลางแดดร้อนๆ นรกชัดๆ

          เจอช่างรุ่นเก๋าแถว เอแบค บดไปหลายโลนึกว่าต้องเปลี่ยนยางนอกแล้ว แกบอก ไม่เปลี่ยนก็ได้ เลยเชื่อช่าง เพราะตังไม่ค่อยมีด้วย

          ขากลับก็ใช้ความเร็วแบบเดิม แต่แวะพักหลายที่หน่อย 

           นั่งชมทะเลที่บางแสน

           พอไกล้ถึงศรีราชา สุขุมวิทถนนโล่งพอสมควร เลยได้อัดหมดปลอก ได้ 80 นิดๆตามไมล์ ที่รอบเครื่อง  8000 นิดๆนั่นแล อัดได้ 5 นาทีมั้ง กลัวพังเลยขับปรกติ จนถึงบ้าน

          ผล การทดสอบ ก็พอได้นะ เสียงเครื่องยังไม่ร้องฟ้องว่า ไม่ไหวแล้ว 5555 

          จบทริบ วันละ 100 โล 2 วัน เติมน้ำมันไป 140 บาท น้ำมันเครื่องไป 140 บาท แม่ม กินยังกะออโตลูป 2 จังหวะ


                       อยากขี่ nsr แต่ได้น้องเบสนี่ก็พอวะ